TL;DR
• ถ้าการ “จด” คืองานหลัก และอยากพกเบา ฟีลเขียนใกล้กระดาษ: reMarkable Paper Pro Move ตอบโจทย์
• จอ E Ink สี 7.3” เน้นไฮไลต์ อ่านสบายตากว่าจอสว่างตลอดเวลา
• เวิร์กโฟลว์ “จดแล้วส่งต่อ” ด้วย Connect (ค้นหา/แปลงลายมือ/แก้บนมือถือ-เดสก์ท็อป/ส่งเข้า Slack)
• ราคาเริ่ม $449 (รวม Marker) / $499 (รวม Marker Plus)
ต้องออกตัวไว้ก่อนว่าผมเป็นคนที่ e-ink device มากๆ การซื้อมาลอง เหมือนเป็นงานอดิเรก เหมือนคนที่ชอบเล่น ชอบลองอะไรใหม่ๆทั่วไป การได้ลองและเปรียบเทียบ เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ถ้าอุปกรณ์ไหนดีจริงหรือถูกจริต ก็จะใช้มันยาวๆ

reMarkable เป็นอุปกรณ์ e-ink tablet ที่ผมใช้มาตั้งแต่รุ่น rM2 , rM Paper Pro และยังคงใช้อยู่ (ส่วนพวก Boox Tablet ขายทิ้งไปหมดแล้ว รวมถึง Kindle Scribe)
เหตุผลเดียวที่ reMarkable ยังอยู่ เพราะประสบการณ์การเขียน การจด ดีมาก กล้าพูดได้เลยว่าดีที่สุดในบรรดาทุกรุ่นที่เคยใช้งานมา รวม e-ink, iPad และ tablet รุ่นอื่น ผมใช้งานทุกวัน ทั้งเขียน Bullet Journal, Meeting Note, Study Note , โหลด PDF ใส่เข้าไป , เซฟบทความหน้าเว็บไว้อ่านและอื่นๆ
ด้วยฟีลลิ่งการเขียนที่ดี และตัว UX/UI ของตัวมันเอง ที่ออกแบบมาใช้งานง่าย สวยงาม น่าใช้ (เรื่อง Aesthetic Design อาจเป็นเรื่องที่ subjective แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่ผมชอบแบบนี้ ส่วนของแบรนด์อื่นๆ ใช้แล้วมันไม่ถูกจริต ใช้แล้วงง หน้าตาไม่สวยงามน่าใช้)
สำหรับผมแล้ว reMarkable เป็น Digital Writing Device ที่ดีสุดในโลกตัวหนึ่ง และมันทำหน้าที่เขียน จด โฟกัส ได้ดีมากจริงๆ
ทั้งนี้ ผมจะไม่เปรียบเทียบกับ tablet อื่นๆ ที่เป็น multi-purpose device ใช้งานได้สารพัดสิ่ง เป็นแอนดรอยด์ หรือ iPadOS ที่ลงแอปเพิ่มเติมได้ เพราะมันจะเป็นการเปรียบเทียบแบบ Apple vs. Orange ไม่ใช่ Apple to Apple และผมก็มี iPad Pro & Mini ที่ทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว
แม้ว่าจะมี tablet หลายตัวใช้งาน แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกว่ายังขาดไป คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน “สมุดจด” แบบพกพา ให้ฟีลลิ่งการเขียนดี ใช้งานได้สะดวก พร้อมใช้งานได้ทันทีที่ต้องการ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน
ส่วน reMarkable Paper Pro มันใหญ่และหนัก พกไม่ค่อยสะดวก และผมมักจะวางไว้ที่บ้าน ใช้งานบนโต๊ะเป็นหลัก
แม้ว่า iPad mini จะตอบโจทย์เรื่องการพกพา แต่เวลาจะจด มันยังรู้สึกไม่สุด เขียนไม่มันส์มือ ฟีลลิ่งการเขียนบนกระจกลื่นๆ และ distraction มันเยอะ เพราะลงแอปหลายตัว ทั้งแอปคุยงาน ทำงาน แอปโซเชียลต่างๆ การโฟกัสมันเลยยาก มักจะมีอะไรมากวนใจเสมอ
หลังจากนั่งดูคลิปการเปิดตัว reMarkable Paper Pro Move ผมไม่ลังเลเลยที่จะกดสั่งในหน้าเว็บของ reMarkable ทันที เพราะรู้สึกว่า เห้ย นี่แหละ ที่อยากได้มานาน หยิบขึ้นมาเขียนได้ตลอดเวลา
reMarkable Paper Pro Move ถูกออกแบบให้ทำสิ่งเดียวให้สุดทาง คือ การจดให้ทันความคิด แล้วพาไอเดียเดินต่อโดยไม่ถูกรบกวนจากแอปหรือการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ช่วยเราให้สามารถโฟกัสจดจ่อไปกับความคิดของตัวเองได้ (เพราะนอกจากจดแล้ว มันทำอะไรไม่ได้เลย 555)
ด้วยหน้าจอสีแบบ E Ink สบายตา น้ำหนักเบา และผิวสัมผัสแบบกระดาษ ทำให้การจด การไฮไลต์ และการแชร์โน้ตให้ทีมทำได้ง่ายและเร็ว
ทำไมต้อง reMarkable Paper Pro Move ?
โมเมนต์ของไอเดีย ความคิดต่างๆ มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา บางทีเดินๆอยู่ก็คิดอะไรใหม่ๆออก การจดของเราจึงไม่ได้จำกัดแค่ตอนนั่งโต๊ะ
แต่การจด “ระหว่างทาง” ทั้งวัน—หน้าออฟฟิศ เคาน์เตอร์กาแฟ รถไฟฟ้า
แม้จะมีรุ่นจอใหญ่ที่เหมาะกับเอกสารยาว แต่ไม่คล่องตัวสำหรับจังหวะสั้น ๆ ที่ไอเดียผุดขึ้น
reMarkable Paper Pro Move เลยย่อทุกอย่างให้เท่าสมุดพก เพื่อหยิบแล้วเขียนทันที และตัดสิ่งล่อใจออกหมด: ไม่มี App Store, ไม่มีเว็บเบราว์เซอร์, ไม่มีแจ้งเตือน เพื่อให้เราสามารถโฟกัส จดจ่อกับความคิดต่างๆได้อย่างมีสมาธิ


ฟังดูอาจจะเว่อร์นะครับ แต่จากที่ผมใช้ reMarkable มาหลายปี มันเกิดช่วง flow state ของการคิด การเขียนจริงๆ โดยไม่ต้องฝืนหรือพยายามอะไร
สเปกที่ต้องรู้
ประสิทธิภาพ
• Processor : 1.7 GHz Dual Core Cortex-A55
• RAM : 2 GB LPDDR4x RAM
• Storage: 64 GB internal storage
ถ้าเรามองแต่สเป็คของฮาร์ดแวร์อย่างเดียว ก็จะคิดไปว่า reMarkable Paper Pro Move ตัวนี้ สเป็คดูห่วยมาก ซีพียูนี่พอๆกับ iPhone 6 เมื่อปี 2014 หรือเท่ากับซีพียูมือถือระดับล่างในยุคปัจจุบัน
แรมก็น้อย แค่ 2 GB กับ Storage 64 GB นี่น้อยกว่า tablet ถูกๆซะอีก
แต่กลับขายราคาแพง เทียบเท่า tablet อย่าง Xiaomi Pad 7 Pro , iPad Air M3 11” หรือ Galaxy Tab S10 FE เลย
สาเหตุหนึ่งที่แม้จะสเป็คต่ำ แต่กลับทำงานได้ไหลลื่นดี เพราะ reMarkable พัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเองที่เรียกว่า Codex โดยดัดแปลงมาจาก Linux และออกแบบพิเศษสำหรับ e-paper/e-ink display เพื่อให้การแสดงผลและการตอบสนองปากกามีความหน่วงต่ำ (low-latency) ทำให้เขียนแบบเส้นตามมือเลย
ด้วยสเป็คฮาร์ดแวร์เพียงเท่านี้ ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว แถมการเขียน ทำได้ไหลลื่นกว่า tablet แอนดรอยสเป็คสูงกว่าซะอีก
reMarkable จะอารมณ์แนวๆ Apple คือ ทำทั้ง Hardware และ Software เอง เพื่อรีดประสิทธิภาพและควบคุมประสบการณ์การใช้งานให้ออกมาดีที่สุดได้


หน้าจอ
• E Ink Canvas Color Display (ใช้เทคโนโลยี E-Ink Gallery 3) ขนาด 7.3” สัดส่วน 16:9
• ความละเอียด 1696×954 พิกเซล, 264 ppi (pixels per inch)
• รองรับสีประมาณ 20,000 สี
• ผิวสัมผัสแบบ textured ให้แรงเสียดทานคล้ายกระดาษ
• ไฟส่องสว่างโทนสบายตา สำหรับใช้งานในที่มืด
สรุปสั้น ๆ: E-Ink ใช้ไมโครแคปซูล ไม่ส่องแสงเข้าตาเหมือนหน้าจอ LCD/OLED ของพวก tablet ต่างๆ
สีของ Gallery 3 ถูกจูนเพื่อแยกเฉดสี มากกว่าความสดจัด จุดเด่นคืออ่านสบายและกินไฟต่ำเมื่อแสดงภาพนิ่ง

ขนาดและน้ำหนัก
• กว้าง 107.8 มม. × ยาว 195.6 มม. × หนา 6.5 มม.
• น้ำหนัก 230 กรัม
สัดส่วนนี้ทำให้ reMarkable Paper Pro Move “หยิบแล้วใช้ได้บ่อย” เขียนมือเดียวตอนยืนยังถนัด ไม่ต้องง้อโต๊ะ




แบตเตอรี่และการชาร์จ
• ความจุแบตเตอรี่ 2,334 mAh
• การใช้งานที่ผู้ผลิตประกาศ: สูงสุดราว 2 สัปดาห์ (ขึ้นกับรูปแบบการใช้และระดับไฟส่องสว่าง)
• ชาร์จ 0→90% ภายในเวลาน้อยกว่า 45 นาที
จอ E Ink ใช้พลังงานหลัก ๆ ตอน “เปลี่ยนเฟรม” ภาพนิ่งกินไฟต่ำ ถ้าเปิดไฟจอเบา ๆ และใช้เป็นช่วง ๆ ต่อวัน เห็นอายุแบตเป็นสัปดาห์ได้สบายๆ
ประสิทธิภาพการเขียนและความหน่วง
• ผู้ผลิตอ้างอิงค่าความหน่วง 12 มิลลิวินาที
• เส้นตามมือทันทั้งตอนลากเร็วและเขียนตัวเล็ก จังหวะคิดไม่สะดุด
ความจุและไฟล์
• ความจุภายใน 64 GB
• รองรับไฟล์: PDF, EPUB
• Export Note เป็นฟอร์แมทอื่นๆ: PDF, PNG, SVG (ผ่านแอป/เว็บ reMarkable)

อุปกรณ์ในกล่อง
• ตัวเครื่อง reMarkable Paper Pro Move
• ปากกา Marker หรือ Marker Plus (แล้วแต่เราเลือกตอนซื้อ)
• ไส้ปากกา 6 ชิ้น
• สาย USB-C 1 ม.
ปากกา
ตัวปากกา มีให้เลือก 2 รุ่น คือ
• Marker: เขียนดี เรียบง่าย เวลาลบต้องแตะยางลบบนหน้าจอ
• Marker Plus: พลิกด้านท้ายเพื่อลบได้ทันที เหมาะกับงานสเก็ตช์หรือแก้เส้นบ่อย ช่วยให้ไม่เสียจังหวะในการเขียน
- ปากกา reMarkable 2 รุ่นก่อนเป็นสไตลัสแบบไม่ใช้แบตเตอรี่ (EMR) อาศัยพลังงานจากจอขาว-ดำ
- ส่วนปากกาในตระกูล Paper Pro รวมถึง reMarkable Paper Pro Move เป็น “ปากกาแอ็กทีฟ” มีแบตในตัว ชาร์จเมื่อแนบข้างเครื่อง และสื่อสารกับจอคนละระบบ ทำให้ไม่สามารถนำปากกาของ rM2 มาใช้งานได้
- ปากกา reMarkable 2 → reMarkable Paper Pro Move: ใช้ไม่ได้
- ปากกา Paper Pro/Move → reMarkable 2: ใช้ไม่ได้
สรุป : ปากกาต่างจากรุ่นเก่า และใช้แทนกันไม่ได้
ส่วนตัวผมเองไม่ได้สั่ง Marker Plus มาด้วย (เพิ่มอีก $50) เพราะมีใช้อยู่แล้วตอนซื้อ reMarkable Paper Pro ปีก่อน
เลยได้ Marker ที่แถมมาพร้อมกับเครื่อง (จริงๆน่าจะมี option ให้เลือกสำหรับคนมีปากกาอยู่แล้ว เผื่อจะลดราคาได้อีก...เซ็งครับพี่น้อง😂)
ซอฟต์แวร์การใช้งานทั่วไป
ระบบในเครื่องตรงไปตรงมามากครับ ไม่เคยใช้มาก่อน ให้ลองกดๆเล่นซัก 5-10 นาทีก็ใช้งานเป็นแล้ว เวลาไปเจอเพื่อน เพื่อนชอบมาของลองใช้ ก็แบบนี้เลย เปิดเครื่อง เอาปากกาจิ้มๆไม่กี่ที ก็ใช้เป็นละ ทำให้ Learning Curve ต่ำมาก
พวกลูกเล่นอย่างการ เลือกเทมเพลต เขียน ไฮไลต์ จัดระเบียบ ทำได้ค่อนข้างดี เทมเพลตกระดาษโน้ตมีให้เลือกหลายแบบมาก
Connect
เป็นบริการออนไลน์ที่ต้องสมัครเพิ่มครับ เสียรายเดือนก็ประมาณ $2.99 ถ้ารายปี ก็จะได้ส่วนลดเพิ่ม เหลือ $29 (ทดลองใช้งานฟรี 100 วัน)
บริการนี้ เราไม่ต้องสมัคร ก็สามารถใช้งาน reMarkable ได้ปกติครับ แต่มันจะ sync note ข้ามอุปกรณ์ได้จำกัด (ถ้าสมัคร Connect จะได้ Unlimited Cloud Storage)
เหตุผลอีกอันที่ควรสมัคร Connect คือ จากประกันเครื่องมาตรฐาน 1 ปี จะเพิ่มอีก 2 ปี เป็นประกันทั้งหมด 3 ปี คล้ายๆกับ Apple Care เลย เพียงแต่เราไม่ต้องจ่ายเป็นเงินก้อน แต่เหมือนจ่ายประกันเครื่องยาวๆ รายเดือนหรือรายปี และได้บริการเสริมอื่นๆเพิ่มเติม
สำหรับผม ถือว่าคุ้มมากครับ เพราะเหมือนได้ประกันเครื่อง + ฟีเจอร์เพิ่ม + Unlimited Cloud
ใครที่ซื้อ reMarkable ตั้งแต่รุ่นแรก จะได้บริการ Connect ตลอดชีวิต (Lifetime Connect) เพราะตอนนั้น reMarkable ยังไม่มีโมเดลแบบ subscription ครับ ถือว่าโชคดีมากๆ ถ้าใครซื้อเครื่องช่วงนั้น ...ถึงกับมีการซื้อขาย account กันแพงๆเลยทีเดียว
สิ่งที่ได้จาก Connect
• ค้นหาข้อความจากลายมือ
• แปลงลายมือเป็นตัวพิมพ์ (OCR)
• เปิด/แก้/พิมพ์โน้ตต่อบนแอป reMarkable (มือถือ/เดสก์ท็อป)
• ส่งโน้ตเข้า Slack โดยตรง
• พื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์แบบไม่จำกัด
ภาษา:
เขียนและอ่านภาษาไทยได้ แต่ OCR ภาษาไทยยังไม่รองรับ ถ้าต้องการตัวพิมพ์ไทย ให้พิมพ์ต่อบนคอมพ์หรือมือถือ
รุ่นนี้ไม่มีเคสคีย์บอร์ด น่าจะเพราะขนาดมันเล็กเกินไป 55
ประสบการณ์ใช้งานจริง
- ตั้งแต่ผมได้เครื่องมา ใช้งานมา 3 วัน แบตลดลงเหลือราวๆ 50% ใช้แบบเยอะมาก เอะอะอะไรก็หยิบมาจด พกเข้าห้องน้ำและไปทุกที่ จดแหลก 55
- หน้าจอไฟส่องสว่างโทนนุ่ม ไม่สว่างจ้ามาก ถ้าชอบจอขาวจ้าอาจไม่สุด แต่ผมชอบโทนสีแบบนี้มาก มัน warm กับตาเรา
- หน้าจอเล็กทำให้เอกสารแน่น ต้องครอปและซูมบ่อย ไม่เหมาะกับการอ่าน
- OCR ภาษาไทยยังไม่รองรับ
ราคา อุปกรณ์เสริม การสั่งซื้อ และการรับประกัน (ไทย)
สั่งจากไทยได้โดยตรง ราคาบนเว็บไซต์รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรที่เกี่ยวข้องแล้ว สามารถสั่งได้จากลิงค์นี้ https://remarkable.com/configure/remarkable-paper-pro-move
การส่ง เป็นการจัดส่งด่วนผ่าน DHL ผมสั่งและได้เครื่องในเวลา 2 วัน เรียกว่าเร็วมากๆ พอๆกับสั่งของจากพวก Shopee, Lazada แบบส่งปกติเลย
แต่ระยะเวลาขนส่งจริงอาจจะช้ากว่านี้ได้ ขึ้นกับคิวและศุลกากร สามารถติดตามจากเลขแทร็กกิ้งเป็นหลัก
(ปีก่อนผมก็สั่ง Paper Pro วันเปิดตัว แต่รอของราวๆ 2 อาทิตย์ได้ น่าจะเพราะออเดอร์เยอะมาก เพราะคนตื่นเต้นกับ E-ink จอสี และเป็นการออกรุ่นใหม่ที่นานๆจะออกที)
ทาง reMarkable เค้ามีนโยบายคืนเงิน 100 วัน และนัดรับพัสดุคืนถึงบ้านได้ในพื้นที่บริการ สะดวกมากครับ ผมเคยเคลมของแล้ว ดีกว่าหลายๆแบรนด์ซะอีก
การรับประกันตัวเครื่อง 1 ปี ผ่านฝ่ายบริการลูกค้า reMarkable ที่มีระดับ Global แต่ถ้าสมัครสมาชิก Connect ก็จะได้ประกันเครื่องยาวๆเลย
• ชุดพื้นฐาน (รวม Marker): $449
• ชุดรวม Marker Plus (มียางลบท้ายปากกา): $499
• Book Folio เริ่มราว $69
• Connect: ทดลองฟรี 100 วัน, จากนั้น $2.99/เดือน หรือ $29/ปี
สรุป
• เน้น “จดพกพา” แบบไม่มีสิ่งล่อใจ ได้ฟีลลิ้งและประสบการณ์ใกล้เคียงกระดาษ → reMarkable Paper Pro Move
• เน้น “อ่าน/แก้เอกสารใหญ่” → reMarkable Paper Pro
• เน้น “ลงแอปหลายชนิดในเครื่องเดียว” → BOOX, iPad, Android Tablet ต่างๆ
เหมาะกับใคร / ยังไม่เหมาะกับใคร
เหมาะกับ
• คนที่ชอบ “จดแหลก”: ประชุม สรุปประเด็น สร้าง action items
• ทีมที่ต้องแชร์โน้ตให้เห็นภาพเดียวกัน และใช้ Slack/Connect
• คนที่ต้องการเครื่องมือที่หยิบแล้วเขียนได้ทันที ไม่มีสิ่งล่อใจ หรือ notification ที่จะรบกวนสมาธิ ทำให้โฟกัสยาก
ไม่เหมาะกับ
• ผู้อ่านสัญญา/รายงานยาวที่ต้องดูเต็มหน้าเป็นกิจวัตร (จอใหญ่จะตอบโจทย์กว่า)
• คนที่ต้องการแพลตฟอร์มแอปอเนกประสงค์แบบ Android/iPad
• ผู้ที่ต้องการ OCR ภาษาไทยในตัว
สรุปคะแนน
• ฟีลการเขียน: 9.5/10
• ความสะดวกในการพกพา: 9.5/10
• ซอฟต์แวร์และเวิร์กโฟลว์: 7.5/10
• คุณภาพหน้าจอและไฟส่องสว่าง: 7/10
• ความคุ้มค่าเมื่อเทียบสิ่งที่ได้: 7.5/10