มีน้องคนนึงมาถามว่า ถ้าอยากเติบโตเป็นผู้บริหารต้องทำอย่างไร
แต่เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ตรงด้านนี้
ครั้นจะบอกแค่ว่าทำงานให้ดี โชว์ฝีมือ ความเก่งกล้าสามารถให้คนในบริษัทเห็น ก็น่าจะโตไปเป็นผู้บริหารระดับสูงได้
มันดูเป็น common sense ที่น้องคงรู้โดยที่เราไม่ต้องพูด
นึกขึ้นได้ มีหนังสือที่ดีมากอยู่ 1 เล่ม เก็บมานานมากแล้ว
แต่ไม่เคยคิดจะแนะนำให้ใครอ่านเลย เพราะมีความอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากมีการเปิดเผยด้านมืดของคน และมันแอบซ่อนอยู่ในนิสัยของมนุษย์
ถ้าอ่านสามก๊กจบสามรอบแล้วคบไม่ได้
หนังสือเล่มนี้ อ่านจบแค่รอบเดียว ก็คบยากแล้ว
หนังสือเล่มนี้ ชื่อว่า …“48 Laws of Power” หรือ
“กฏแห่งพลังอำนาจ 48 ข้อ”
ถ้าคุณเป็นลูกน้อง การเข้าใจกฏทั้ง 48 ข้อ จะช่วยให้คุณก้าวขึ้นสู่อำนาจในองค์กร เป็นใหญ่เป็นโตได้
ถ้าคุณเป็นนักการเมือง กฏ 48 ข้อนี้ จะช่วยให้คุณก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดที่มีทั้งชื่อเสียง มีอำนาจ เป็นนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ได้
อ่าว ก็ดีสิ อ่านแล้วช่วยให้หน้าที่การงานเติบโตก้าวหน้า
ถ้าเอาไปใช้อย่างถูกต้อง ก็มีโอกาสเติบโตได้ครับ
แต่ถ้าเอาไปใช้ผิดๆ หรือใช้อย่างไม่ถูกต้อง มีโอกาสที่จะถูกคนเกลียด เพื่อนเลิกคบ ทำลายความสัมพันธ์ และสร้างศัตรูเพิ่มอีกมากมาย
นี่คือ ดาบสองคมของหนังสือเล่มนี้
ขอยกตัวอย่างกฏแห่งพลังอำนาจบางข้อ …
กฏข้อที่ 1
“Never outshine the master”
อย่าทำตัวเด่นเกินหัวหน้า ถ้าอยากรุ่ง
เราจะเก่งยังไงก็ได้ แต่อย่าทำตัวเก่งและเด่นเกินหัวหน้า
เพราะจะเป็นการสร้างความ insecure ให้เค้า เค้าจะกลัวเราขึ้นมาเสียบแทน กลัวเราได้ดีกว่าแล้วเค้าจะตกกระป๋อง และเค้าจะหาวิธีจัดการกับความ insecure นี้
สิ่งที่ควรต้องทำถ้าอยากได้ดี คือ สนับสนุนหัวหน้าให้ดี ให้เค้ารู้สึกว่าเค้ามีวันนี้ได้ เพราะมีเราเป็นลูกน้อง
ถ้าเค้าก้าวหน้าเพราะเรา เค้าจะรู้สึกขาดเราไม่ได้ จะต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาเราไว้ และเค้าจะเป็นคนที่ผลักดันเราขึ้นไปเอง
“อันที่จริงคนเขาอยากให้เราดี แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้
จงทำดีแต่อย่าเด่น จะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน”
หลวงวิจิตรวาทการกล่าว
กฏข้อที่ 2
“Never put too much trust in friends, learn how to use enemies”
อย่าทุ่มความเชื่อใจให้กับเพื่อนมากเกินไป จงหัดใช้งานศัตรูฝ่ายตรงข้าม
เพื่อนต่อให้รักกันแค่ไหน ก็มีโอกาสหักหลัง อิจฉา ถูกคนยุยง จนกลายเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดได้เสมอ
ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะแยะ
ถ้าเชื่อใจมากเกินไป อาจจะบอกความลับต่างๆไว้กับเพื่อนมากเกินไป อาจกลายเป็นจุดอ่อน ที่จะทำให้เราเดือดร้อนหรือถูกเล่นงานได้
ในขณะที่ศัตรู ถ้าย้ายมาอยู่ข้างเดียวกับเรา เค้าจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติมากในการพิสูจน์ตัวเอง
ถ้าในชีวิตไม่มีศัตรูเลย หนังสือเล่มนี้แนะนำว่า ควรต้องหาวิธีสร้างศัตรูแล้วเอามาเป็นพวกทีหลัง
เคสนี้ดูการเมืองบ้านเราก็ได้ มีตัวอย่างเยอะ จากมิตร ถูกหักหลัง กลายเป็นศัตรู
และจากศัตรู กลายเป็นมาอยู่ข้างเดียวกัน
คงไม่ต้องบอกชื่อมั้งว่ามีใครบ้าง…
“มันจบแล้วครับนาย”
กฏข้อที่ 19
“Know who you are dealing with. Do not offend the wrong person.”
รู้ว่ากำลังดีลกับใครอยู่และอย่าหาเรื่องผิดคน
คนแต่ละแบบ มีวิธีการดีลไม่เหมือนกัน และต้องแยกแยะให้ออกว่าใครเป็นหมาป่าและใครเป็นลูกแกะ (หนังสือจะแบ่งคนออกเป็น 5 ประเภท)
และอย่าไปเล่นผิดคน เพราะอาจกลายเป็นสร้างศัตรูและถูกตามแก้แค้นเอาคืนได้
กฏข้อที่ 35
“Master the art of timing”
ฝึกให้เข้าใจเรื่องศิลปะของจังหวะและเวลา
ต้องรู้จักอดทน ใจเย็น เพื่อรอจังหวะและเวลาที่ใช่
การรีบร้อน ใจร้อนอาจนำไปสู่ความหายนะ ถ้ายังไม่มีความพร้อม และบางทีอาจเป็นการเปิดจุดอ่อนบางอย่างให้เห็นด้วย
ให้คิดเสมอว่า เดี๋ยวจังหวะที่ใช่ก็จะมาหาเราเอง ถ้ายังไม่ถึงเวลา ก็ควรถอยออกมาก่อน มาเมื่อไหร่ค่อยไขว่คว้าไว้
กฏข้อที่ 7
“Get others to do the work for you, but always take the credit”
ให้คนอื่นมาทำงานของเรา เพื่อประหยัดเวลาและพลังงานของเราเอง
งานเสร็จ ก็ take credit นั้นเป็นผลงานของเราไปเลย
ไม่ต้องเหนื่อยเอง แถมยังได้หน้าไปเต็มๆ
ข้อนี้เป็นกฏที่ Hardcore มาก แต่เป็นเรื่องที่เราล้วนเจอกับตัวเองในชีวิตจริง
มีคนโยนงานมาให้เราทำ เราทำเสร็จแล้ว กลับไม่ได้อะไรตอบแทน และกลายเป็นผลงานของคนอื่นเฉยเลย
เราอาจจะรู้สึกแค้นเคือง ได้แต่เอาไปบ่นกับเพื่อน นินทาให้คนอื่นฟัง
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นเหยื่อคนหนึ่งที่ถูกหลอกใช้งาน
แย่กว่านั้น คือ ไม่รู้ตัวว่ามีสถานะเป็นเหยื่อ
คนที่ทำแบบนี้ได้ ถ้าเค้าเข้าใจหลักการและทำได้ถูก
หน้าที่การงานเค้าจะก้าวหน้าเร็วมาก
แต่ถ้าทำผิด ก็อาจเจอหายนะ จนอนาคตการงานดับไปเลยก็ได้
มีอยู่หลายข้อ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างตัวเองให้มีชื่อเสียง การเรียกร้องความสนใจให้เยอะที่สุด
เช่น
กฏข้อ 5
“So much depends on reputation, guard it with your life “
กฏข้อ 6
Court attention at all costs”
ก็ตอบคำถามว่าทำไมคนถึงหิวแสง
ทำหลายอย่าง หรือทำทุกอย่างให้ตัวเองได้ attention ให้ตัวเองดัง
เพราะชื่อเสียง ความดัง มันมีพลังอำนาจมาด้วยยังไงล่ะ
ส่วนตัวอ่านจบไปนานแล้ว ลืมแล้ว ตั้งแต่สมัยทำงานประจำ ก็ซัก 11–12 ปีก่อน
บางข้อเคยเจอกับตัวเอง บางข้อเคยเห็นคนทำจนได้ดี
บางข้อเคยทำเอง และถูกย้อนกลับมาใส่ตัวเอง
เดี๋ยวหยิบข้ออื่นมาเล่าเรื่อยๆ
เชื่อว่านักการเมือง ผู้นำทางทหาร ผู้บริหาร น่าจะอ่านหนังสือเล่มนี้กันไม่น้อย
หนังสือเล่มนี้อ้างอิงประวัติศาสตร์ของผู้นำการปกครองในอดีตเยอะมาก
Edition ต่อๆไป อาจจะมีปูตินอยู่ในนั้น (อาจจะเคยอ่านก็ได้นะ )
ใครสนใจหนังสือเล่มนี้ ไปซื้อหากันได้ เป็นหนังสือคลาสสิคที่ขายดีมาก
ถ้าอยากมีอำนาจในมือ อยากถูกโปรโมท อยากเป็นใหญ่เป็นโต ก็ต้องเข้าใจกฏแห่งอำนาจทั้ง 48 ข้อ
ส่วนใครที่ยังทำงานแล้วต๊อกต๋อย ย่ำอยู่กับที่ ไม่มีความก้าวหน้าใดๆ
ผ่านไปปีแล้วปีเล่า เจ้านายก็ไม่ยอมโปรโมทให้ซักที
จนเพื่อนร่วมงานคนอื่น หรือรุ่นน้องที่เข้ามาทีหลัง กลับเติบโตแซงหน้า มีตำแหน่งสูงกว่าเราไปแล้ว
ก็เพราะเราไม่รู้จัก กฏแห่งอำนาจ ยังไงล่ะ
เตือนไว้ก่อนว่า หลังจากอ่านจบ
โลกของคุณจะไม่ใช่โลกใบเดิมที่เคยรู้จักอีกต่อไป…