ChatGPT สอบผ่าน MBA ของ Wharton Business School บอกอะไรเรา

Christian Terwiesch ศาสตราจารย์จาก Wharton Business School ได้ทำการทดลองเอา ChatGPT มาทำข้อสอบ MBA วิชา Operation Management และได้เกรด B- ถึง B
แม้ว่าจะทำโจทย์คณิตศาสตร์ง่ายๆผิด และตอบข้อที่วิเคราะห์ยากๆยังไม่ได้
แต่ ChatGPT ก็เขียนตอบในข้ออื่นๆได้ดี
นอกจาก MBA แล้ว ยังมีการใช้ ChatGPT ทดลองกับ USMLE ซึ่งเป็นข้อสอบกลางเพื่อวัดความรู้หมอๆ ในสหรัฐอเมริกา และได้ผลการสอบคือ ผ่าน
เดี๋ยวคงมีออกมาอีกเรื่อยๆครับ
ประเด็นของการทดลองต่างๆ ตอนนี้คงเป็นเรื่องความฉลาดของมัน จากการถูกเทรนบนชุดข้อมูลมหาศาล จนสามารถเขียนอะไรก็ได้มาตอบคำถามเรา
หลังจากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีปฏิกิริยาจากคนอยู่อย่างน้อย 3 ประเภท คือ
  1. ข่าวแบบนี้ ดูเป็นเรื่องไกลตัว คงไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเรา ...ช่างแม่ง
  1. หาทางจับผิด ไม่ว่าจะการทดลองผิด คนทดลองผิด หรือ AI มันอ่อน ไม่ได้เจ๋งจริง แทนคนไม่ได้หรอก (มีคอมเมนต์บอกว่า ก็ข้อสอบ MBA ที่ Wharton มันง่าย)
  1. เกาะเทรนด์ ขี่คลื่น หาโอกาสใหม่ๆ และลงมือทำ
AI เป็น Big Wave ที่มาแน่นอนครับ ของจริง Use Case จริงเต็มไปหมด มันฝังอยู่ในโทรศัพท์เรามาหลายปีแล้ว แค่รอวันออกมาให้เห็นชัดๆ แบบ ChatGPT, Midjourney
คนกลุ่มแรก จะกลายเป็นคนตกยุค
แม้จะยังใช้ชีวิตอยู่ได้ ทำงานปกติแบบเดิมๆได้ แต่พลาดโอกาสสำคัญในการเอา AI มาช่วยทำงานให้ดีขึ้น เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น
คนกลุ่มที่ 2 พอที่จะรู้จักเทคโนโลยีนี้ แต่ไม่ลึกซึ้ง มองไม่ออกว่าจะได้ประโยชน์อะไรจาก AI ยังไง
2 กลุ่มแรก No Doubt ว่า จะมีโอกาสโดน AI เข้ามาแทนที่ได้สูง
ทั้งให้ออก แล้วซื้อระบบเข้ามาทำงานแทน หรือ จ้างคนที่ใช้งานพวกนี้เป็น มาช่วย redesign Business Process & Operation และค่อยๆ ปรับองค์กรให้ลีน ลดคนไปเรื่อยๆ
คนกลุ่มที่ 3 จะกลายเป็นพนักงานบริษัทที่ shining อยู่ในบริษัท มี productivity สูง ทำงานคล่องแคล่วฉับไว สร้างผลงานออกมาได้เยอะ จนเติบโตในหน้าที่การงานได้ดี
หรืออาจเป็นมหาเศรษฐีในยุคเศรษฐกิจใหม่ เอา AI มาช่วยแก้ปัญหาและช่วยทำงานในธุรกิจต่างๆถ้าล้ำขึ้นอีกหน่อย เอา AI มาเป็น engine ในการสร้าง โปรดักส์ใหม่ๆ
อย่างที่ Pieter Level (@levelsio) วัย 38 ปี จากเนเธอร์แลนด์ ที่แม้ว่าเรียนจบ MBA และไม่เคยเขียนโปรแกรมเป็นมาก่อน
แต่หัดเขียนเอง จนคิดโปรแกรมสร้างรูปโปรไฟล์ โดยใช้ AI ชื่อ AvatarAI.me ทำเงินได้วันละกว่า 100,000 ดอลลาร์
และตัวเค้าเองเป็น Solopreneur ที่มีรายได้ปีละหลายล้านดอลลาร์ โดยที่ไม่มีพนักงานเลย
หรือจะเป็นบริษัทสเกลใหญ่ขึ้นมาหน่อย อย่าง Lensa ที่ทำโปรดักต์ออกมาคล้ายๆกัน
แต่สร้างรายได้วันละ 1 ล้านดอลลาร์ ลองโหลดแอปชื่อ Lensa AI มาเล่น แล้วจะรู้ว่าทำไมมันถึงฮิตเปรี้ยงปร้างไปทั้งโลก
การทดลองที่นำเอา ChatGPT ไปสอบนู่นสอบนี่ก็เพื่อให้เห็นว่า มันไม่ธรรมดาและน่าจะส่งผลกระทบกับแวดวงการศึกษา ไม่มากก็น้อย
ครูอาจารย์ควรต้องเรียนรู้ในการปรับตัว เอามาเพื่อช่วยเตรียมงานสอน หรือให้นักเรียน นักศึกษา เรียนรู้เพื่อใช้ได้มั้ย ใช้เมื่อไหร่ ใช้ยังไง หรือมาสอนอาจารย์ใช้ก็น่าจะดี
การตระหนักถึงผลกระทบ นึกถึงโอกาส รู้จักใช้งาน ใช้ประโยชน์ ดีกว่าต่อต้าน โจมตีหรือคิดว่ามันคงไม่มาทดแทนเราได้
เราเลือกได้ครับว่าอยากเป็นคนกลุ่มไหน