อนาคตของ AI อาจจะใกล้กว่าที่เราคิด

มีเด็กปีหนึ่งของคณะไบโอเคมี เรียนได้เกรด A ทุกวิชา คนในมหาวิทยาลัยต่างยกย่องน้องเค้าว่า เป็นเด็กอัจฉริยะของรุ่น ความอัจฉริยะของเด็กคนนี้ สามารถทำการบ้าน ทำโจทย์ต่างๆ เสร็จได้ภายในเวลาเพียง 20 นาที จากเดิมที่การบ้านพวกนี้ ต้องใช้เวลาในการทำไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง Professor แต่ละท่าน ล้วนชื่นชมในความสามารถ และต่างตื่นเต้นที่มีลูกศิษย์เก่งขนาดนี้ เด็กคนนี้ยังสร้างรายได้เสริม ด้วยการรับจ้างทำการบ้านให้เพื่อนร่วมชั้นอีกหลายร้อยดอลลาร์ มีการเปิดเผยเคล็ดลับของการเรียนเก่งในระดับอัจฉริยะในเวลาต่อมาว่า เค้า

มีเด็กปีหนึ่งของคณะไบโอเคมี เรียนได้เกรด A ทุกวิชา
คนในมหาวิทยาลัยต่างยกย่องน้องเค้าว่า เป็นเด็กอัจฉริยะของรุ่น
ความอัจฉริยะของเด็กคนนี้ สามารถทำการบ้าน ทำโจทย์ต่างๆ เสร็จได้ภายในเวลาเพียง 20 นาที
จากเดิมที่การบ้านพวกนี้ ต้องใช้เวลาในการทำไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง
Professor แต่ละท่าน ล้วนชื่นชมในความสามารถ และต่างตื่นเต้นที่มีลูกศิษย์เก่งขนาดนี้
เด็กคนนี้ยังสร้างรายได้เสริม ด้วยการรับจ้างทำการบ้านให้เพื่อนร่วมชั้นอีกหลายร้อยดอลลาร์
 
notion image
 
 
มีการเปิดเผยเคล็ดลับของการเรียนเก่งในระดับอัจฉริยะในเวลาต่อมาว่า
เค้าใช้เครื่องมือชื่อ OpenAI โมเดลที่เรียกว่า GPT-3 (หรือ Generative Pre-trained Transformer 3) ซึ่งเป็น AI ที่ถูกฝึกให้เขียนเหมือนมนุษย์เขียนเอง มาช่วยเขียนการบ้านทั้งหมดให้
แม้อาจารย์จะมีเครื่องมือดักจับและตรวจสอบการคัดลอกเนื้อหา ที่เรียกว่า "Plagiarism Checker"
แต่ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะ AI ตัวนี้มันเขียนทุกอย่างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยที่ไม่ได้ไปคัดลอกมาจากไหนเลย
ครูแทบจะไม่มีทางจับได้ ว่าการบ้านที่นักเรียนทำส่งมา เค้าทำเองมั้ย หรือใช้ AI ทำส่ง
นักเรียน นักศึกษาก็จะมองว่า การบ้านเป็นเรื่องเสียเวลา ทำไมต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า ...
กระบวนการเรียนรู้ที่เคยอยู่ในรูปแบบนี้มายาวนาน ก็อาจจะใช้ไม่ได้แล้ว
ครูผู้สอน มหาวิทยาลัย คนออกแบบหลักสูตร จะต้องปรับตัว รับมืออย่างไร
การเรียนการสอน การสอบ การให้เกรด จะยังวัดผลการเรียนรู้ได้อยู่หรือไม่ ถ้าบริษัทใหญ่ คัดเลือกนักศึกษาที่ผลการเรียนดี แต่เบื้องหลังที่พวกเค้าไม่รู้ คือ OpenAI
เด็กคนนี้ฉลาด ที่เอา AI มาช่วยทำการบ้าน
ตอนนี้เริ่มมีเครื่องมือเขียนโดยใช้ Open AI GPT-3 ออกมามากมาย ใช้งานง่าย โดยที่ผู้ใช้ ไม่ต้องฉลาดก็ใช้เป็น
การเขียน เป็นแค่จุดเริ่มต้นแรก
AI จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเหลือคน (หรืออาจจะแทนที่คนได้เช่นกัน)
ความร้อนแรงของ AI ในตอนนี้ มีการพูดถึงในวงการศิลปะ
เพราะมี AI ที่สร้างรูปวาดหรือรูปถ่าย ชื่อว่า DALL-E, Stable Diffusion และ MidJourney ที่สามารถสร้างรูปสวยๆได้ จากการใส่แค่ keyword ไม่กี่คำ
ในขณะที่ศิลปิน นักวาดรูป แม้จะมีหนทางทำมาหากินหลากหลายช่องทางขึ้น แต่ก็แข่งขันสูง ค่าตัวก็ต่ำ
ยังจะมี AI เข้ามาแข่งและแย่งงานอีก
ปัญหาเรื่อง fake account เรื่อง IO ต่างๆ ที่มักจะใช้รูปหมาแมว ดอกไม้ มาแทนรูป Profile ตัวเอง จนถูกจับได้อย่างง่ายดาย
ก็มีบริการนึงที่ใช้ AI ชื่อว่า Generated Photo (https://generated.photos/faces)
ที่สามารถสร้างหน้าคนปลอม เลือกรูปแบบหน้า จะฝรั่ง เอเชีย ชายหรือหญิง อายุเท่าไหร่ ต้องการแสดงอารมณ์แบบไหน สร้างออกมาเป็นรูปหน้าคนได้เป๊ะ และดูไม่ออก
ตอนนี้มีกว่า 2.7 ล้านใบหน้า ที่ถูกสร้างขึ้น และไม่มีตัวตนอยู่จริง
มาที่วงการดนตรีบ้าง
บริษัท startup จากอินเดีย ที่ชื่อว่า Beatoven.ai ได้สร้าง AI สำหรับสร้างบีทเพลง แต่งเพลง เพื่อใช้ประกอบพอดแคสต์ ใส่ในคลิป ในหนังได้เลย โดยที่คนใช้แค่เลือกประเภทเสียง (Genre) อารมณ์เสียง (Mood)
คนทำงานด้านนี้มีตัวเลือกมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน เว็บขายสต๊อคเสียง เช่น Audio Jungle ก็มี AI มาเป็นคู่แข่ง
จากตัวอย่างที่กล่าวมาทั้งหมด AI ไม่ว่าจะตัวไหน มันจะเก่งขึ้นในทุกวินาที
ยิ่งมีคนใช้มากขึ้น มันเหมือนยิ่งถูกฝึกมากขึ้น แม้วันนี้มันอาจจะยังไม่เก่งเท่าคน
แต่ซักวัน มันจะเก่งกว่าพวกเราได้แน่นอน
อะไรก็ตามที่เราเคยคิดว่า AI ไม่มีทางสู้เราได้ เช่น งานศิลปะ ครีเอทีฟ นู่นนี่ อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว
Reference
  1. Vice.com