Never outshine the master …

Never outshine the master … “อันที่จริงคนเขาอยากให้เราดี แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้ จงทำดีแต่อย่าเด่น จะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน” เป็นคำเล่าขานมานาน โดยผู้เผยแพร่ คือ หลวงวิจิตรวาทการ อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยดีนัก ที่มีคนมาบอกว่า อย่าทำดี เพราะคนจะหมั่นไส้เอาได้ เราควรจะส่งเสริมให้คนทำดีๆสิ ? ในอุดมคติ มันควรจะเป็นอย่างนั้น แต่ในโลกความจริง ถ้ามีใครซักคนทำดีเกินหน้าเกินตา หรือเก่งเกินหน้าเกินตา ก็มักจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนคนหมั่นไส้ เพราะพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน จะมีเรื่องของความ i

Never outshine the master …

Never outshine the master …

 
notion image
 
“อันที่จริงคนเขาอยากให้เราดี แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้
จงทำดีแต่อย่าเด่น จะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน”
เป็นคำเล่าขานมานาน โดยผู้เผยแพร่ คือ หลวงวิจิตรวาทการ
อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยดีนัก ที่มีคนมาบอกว่า อย่าทำดี เพราะคนจะหมั่นไส้เอาได้
เราควรจะส่งเสริมให้คนทำดีๆสิ ?
ในอุดมคติ มันควรจะเป็นอย่างนั้น
แต่ในโลกความจริง ถ้ามีใครซักคนทำดีเกินหน้าเกินตา หรือเก่งเกินหน้าเกินตา ก็มักจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนคนหมั่นไส้
เพราะพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน จะมีเรื่องของความ insecure อยู่ การทำอะไรได้ดีกว่า เก่งกว่า ก็อาจจะกลายเป็นผลให้ความมั่นคงในชีวิตของอีกคนสั่นคลอน
ทำให้มนุษย์ทุกคนต้องคอยป้องกันไม่ให้ชีวิตตัวเองเกิดความ insecure ขึ้น
ถ้าจะคาดหวังแบบโลกอุดมคติ คงลำบากหน่อย เราคงไม่สามารถบังคับให้คนอื่นคิดแบบที่เราต้องการได้
ไม่ว่าองค์กรชาติไหนๆก็เป็นครับ คนทำอะไรได้ดี คนเก่ง มักจะโดนขัดแข้งขัดขา สกัดดาวรุ่ง
ในขณะที่คนพูดเก่ง ประจบ สอพลอเก่ง มักจะได้ดี เป็นใหญ่เป็นโต.
นอกจากจะโดนสกัดแล้ว คนยิ่งเก่ง ยิ่งมี ego สูง คิดว่าตัวเองเก่ง ไปวิพากษ์วิจารณ์คนนั้นคนนี้เยอะไปหมด สร้างแต่ศัตรู อยู่ไหนก็มักจะไม่รุ่ง
(คิดว่าตัวเองเก่ง ทำตัวเป็นกูรู เที่ยวสั่งสอนและตัดสินคนอื่น …มีทั้งแบบตั้งใจทำตัวเองและไม่ตั้งใจเพราะไม่รู้ตัว)
ถ้าอยู่ในองค์กร หรือสังคมที่ส่งเสริมและเปิดกว้างสำหรับคนเก่ง อาจจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่ถ้าไม่ใช่ สิ่งที่ควรต้องทำ คือ “รู้เท่าทัน” และ “อยู่เป็น”
วิธีนี้ถูกเขียนอยู่ใน หนังสือ “48 Laws of Power” อันโด่งดังของ Robert Greene
กฏข้อที่ 1 : “Never outshine the master”
“อย่าทำอะไรเด่นเกินหัวหน้า” (ถ้าอยากมีชีวิตการทำงานที่รุ่งๆ)
ในสามก๊ก เราได้เห็นโจโฉประหารแม่ทัพและกุนซือไปหลายคน เพียงเพราะเค้าเหล่านั้นรู้เท่าทันความคิดตัวเอง
จิวยี่ แม่ทัพใหญ่กังตั๋ง พยายามทุกวิถีทางที่จะกำจัดขงเบ้ง เพราะขงเบ้งฉลาดกว่า เกรงว่าภายหน้าจะมีภัยกับตนเอง
แม้ว่าขงเข้ง จะมีตำแหน่งเป็นถึง “เสิงเซี่ยง” กุมอำนาจและบัญชาการกองทัพจ๊กก๊กอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
แต่ขงเบ้งก็ไม่เคยคิดแข็งข้อกับพระเจ้าเล่าเสี้ยน ฮ่องเต้ของแคว้นจ๊กเลย ทั้งที่สามารถจัดการกับเล่าเสี้ยนได้ไม่ยาก
ตรงกันข้าม เค้ากลับให้เกียรติพระเจ้าเล่าเสี้ยนอยู่ตลอด
ขงเบ้ง ทั้ง “ฉลาด” และ “อยู่เป็น” จึงมีอำนาจมหาศาล ทั้งโดยตำแหน่งและบารมี
ตัวอย่างยังมีให้เห็นอีกเยอะนะครับ ว่าคน Outshine the master จะพบชะตากรรมแบบใด และคนที่ “รู้เท่าทัน” และ “อยู่เป็น” ได้ดิบได้ดี เจริญก้าวหน้ายังไง
คำแนะนำในกฏข้อนี้ คือ
  1. ทำตัวเก่งให้น้อยกว่าหัวหน้า แม้ว่าเราจะเก่งหรือฉลาดกว่าก็ตาม
  1. รู้ว่าหัวหน้าคิดอะไรอยู่ และช่วยส่งเสริมความคิดของหัวหน้าให้โดดเด่นขึ้นมา (แต่ถ้าทำตรงกันข้าม เช่นไปเถียงหัวหน้าในที่ประชุม อันนี้เราดับแน่นอน)
  1. ถ้าไม่เห็นด้วยอะไร ก็ให้ไปคุยกันทีหลัง อธิบายด้วยเหตุผล และรู้จักใช้คำพูดหน่อย เช่น แทนที่จะซัดกลับ หรือคัดค้านโดยตรง ก็บอกไปว่า ความคิดของหัวหน้าถือว่าดีแล้ว แต่ถ้าเสริมแบบนี้เข้าไป จะสุดยอดแน่นอน ทำนองนี้
  1. ทำให้หัวหน้าเห็นว่า คำแนะนำของเค้ามีความสำคัญกับเรา ชื่นชมเมื่อหัวหน้าทำดี และให้กำลังใจ อยู่ข้างๆในวันที่เค้าลำบาก
ทำแบบนี้ เราจะได้ใจหัวหน้า ในขณะเดียวเค้าก็ไม่รู้สึกว่าเราเป็น threat สำหรับเค้า
เมื่อหัวหน้าได้ดี เราก็ได้ดีตาม หัวหน้าก็จะไว้วางใจ ทำอะไรก็จะนึกถึงเราก่อนเสมอ มอบหมายภาระหน้าที่ งานที่สำคัญๆให้เรามาใช้สร้างผลงาน
เพราะอะไร…เหตุผลง่ายๆ เพราะเค้าต้องการเรา ขาดเราไม่ได้ ก็เราทำให้เค้าเก่ง เค้าเด่น เค้ามีผลงาน เค้ามีความ secure ในตำแหน่งหน้าที่
แต่ถ้าไม่ใช่ แสดงว่า เรามีหัวหน้าผิดคนละครับ หาหัวหน้าใหม่หรือย้ายที่ทำงานดีกว่า
คนเก่ง ไม่ใช่คนที่เรียนได้เกรดดีๆ หรือมีความรู้มากมาย
เหมือนที่เค้าพูดกันว่า “ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด”
แต่คนเก่ง ต้องเป็นคนที่ฉลาดทั้งการทำงานและฉลาดทั้งการวางตัว รู้จักคิดพลิกแพลงเอาตัวรอด
ดังคำกล่าวที่ว่า
“รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี”