“ซ่อนคมในฝัก” …เมื่อคนฉลาดแกล้งโง่

“ซ่อนคมในฝัก” …เมื่อคนฉลาดแกล้งโง่ ในประวัติศาสตร์ มีผู้ที่มีสติปัญญาล้ำเลิศและรู้รักษาตัวรอดมากมาย แต่คนที่รู้จักเก็บซ่อนความฉลาดของตัวเองกลับมีน้อย คนฉลาดแกล้งโง่ นึกออกอยู่ 4 คน คือ “เล่าปี่” “โลซก” “ซุนฮิว” และ “สุมาอี้” – – – เล่าปี่ เราได้เห็นน้อยมากที่เล่าปี่จะรบชนะใคร ส่วนใหญ่ก็รบแพ้เค้าตลอด หนีไปอาศัยคนนั้นที คนนี้ที โชคดีที่ขุนพลข้างกายอย่างกวนอู เตียวหุย เก่ง จึงเอาตัวรอดมาได้ตลอด ใครอ่านสามก๊กช่วงแรก คงไม่คิดว่าเล่าปี่จะมีปัญญาสถาปนาก๊กของตัวเองได้แน่ๆ แต่ความที่ดูไม่ฉลาดของเล่าปี่ ก

“ซ่อนคมในฝัก” …เมื่อคนฉลาดแกล้งโง่

ในประวัติศาสตร์ มีผู้ที่มีสติปัญญาล้ำเลิศและรู้รักษาตัวรอดมากมาย
แต่คนที่รู้จักเก็บซ่อนความฉลาดของตัวเองกลับมีน้อย
คนฉลาดแกล้งโง่ นึกออกอยู่ 4 คน คือ “เล่าปี่” “โลซก” “ซุนฮิว” และ “สุมาอี้”
– – –
  1. เล่าปี่
เราได้เห็นน้อยมากที่เล่าปี่จะรบชนะใคร ส่วนใหญ่ก็รบแพ้เค้าตลอด หนีไปอาศัยคนนั้นที คนนี้ที โชคดีที่ขุนพลข้างกายอย่างกวนอู เตียวหุย เก่ง จึงเอาตัวรอดมาได้ตลอด
ใครอ่านสามก๊กช่วงแรก คงไม่คิดว่าเล่าปี่จะมีปัญญาสถาปนาก๊กของตัวเองได้แน่ๆ
แต่ความที่ดูไม่ฉลาดของเล่าปี่ กลับกลายเป็นข้อดี ที่ทำให้มีคนเก่งๆมาทำงานให้มากมาย เพราะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี และให้คุณค่าของคนเก่งๆ
ใครให้คำแนะนำอะไรมา ก็ขอบคุณแบบสุดๆ (ต่างจากโจโฉ ที่แม้จะชื่นชอบคนเก่ง แต่ก็ชอบดูถูกคนอื่น และบางครั้งไม่เคารพความเห็นที่แตกต่างเท่าไหร่ คนจึงเกลียดไม่น้อย)
ในขณะที่เล่าปี่ มีแต่คนรัก ยกย่อง สรรเสริญ. การทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตน กลับสร้างความเกรงใจให้กับเหล่าขุนนาง ไม่มีใครกล้าหือ
ฉากที่คลาสสิคสุด คือ ฉากแกล้งโง่ ตกใจกับเสียงฟ้าผ่าจนตะเกียบหล่น เพื่อตบตาโจโฉ จนตายใจ ไม่คิดกำจัดเล่าปี่ทิ้ง ตามคำแนะนำของเหล่าที่ปรึกษา
แถมยังแกล้งทำเป็นปลูกผักทำไร่ เพื่อปิดบังตัวเองไม่ให้โจโฉรู้ว่าตนเองคิดอะไร
ซึ่งก็ได้ผลครับ เพราะต่อมา เล่าปี่วางแผนอาสานำทัพไปสกัด ไม่ให้อ้วนสุดร่วมมือกับอ้วนเสี้ยว
โจโฉที่ตายใจ คิดว่าเล่าปี่ไม่มีพิษมีภัยอะไร จึงมอบกำลังทหารห้าหมื่นนายแก่เล่าปี่
กองทหารห้าหมื่นนายนี่แหละครับ ที่เป็นกำลังสำคัญในการตั้งตัวของเล่าปี่และสามารถยึดเมืองชีจิ๋วเป็นฐานที่มั่นได้
คนฉลาดสุดๆอย่างโจโฉ กลับถูกคนอย่างเล่าปี่ที่ดูไร้พิษสงใดๆตบตาได้ เพราะเล่าปี่เป็นคนฉลาด แต่แสดงให้คนอื่นเห็นว่าโง่ เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง
– – –
2. โลซก
แม้ตามท้องเรื่อง โลซกจะดูซื่อๆไม่ค่อยฉลาด โดยเฉพาะตอนอยู่กับขงเบ้ง
แต่เอาเข้าจริงๆ เค้านี่แหละ เป็นมันสมองคนสำคัญของง่อก๊ก ที่ทำให้เกิดการแบ่งแผ่นดินออกเป็นสามส่วน ด้วยยุทธศาสตร์ก่อตั้งง่อก๊กที่เคยเสนอต่อซุนกวนนายใหญ่
โลซกเป็นคนเข้าใจในภาพรวมดี. มองทุกอย่างเป็นข้อดี มองทางบวก
เป็นนักประนีประนอมที่คอย. balance อำนาจกันระหว่างง่อก๊กกับจ๊กก๊ก เพื่อผลประโยชน์ในภาพใหญ่
ต่างจากจิวยี่ กุนซือหมายเลขหนึ่งของ่อก๊ก ที่แม้จะฉลาด มีไหวพริบและสติปัญญาดี
แต่กลับเป็นคนใจแคบ คิดกำจัดขงเบ้งและเล่าปี่ เพราะมองเพียงว่าทั้งสองคนเป็นศัตรูที่จะเป็นภัยคุกคามกับตัวเอง
สุดท้ายจิวยี่ก็แพ้ภัยตัวเอง
– – –
3. ซุนฮิว
ฝั่งวุยก๊ก ที่ปรึกษาหมายเลข 2 ของโจโฉ อย่าง “ซุนฮิว” เป็นอีกตัวอย่างที่น่าสนใจ
บทบาทของซุนฮิวที่โดดเด่น คือ บทบาทเสนาธิการ ในการปราบลิโป้ อ้วนเสี้ยว และแผนยุให้สองพี่น้องแซ่อ้วน รบกันเอง จนถูกโจโฉปราบ และสถาปนาวุยก๊กสำเร็จในเวลาต่อมา
ช่วงเวลา 18 ปีที่รับใช้โจโฉ ซุนฮิววางสุดยอดกลยุทธ์ไว้ถึง 12 แผน แต่ก็เป็นคนถ่อมตัว ไม่เคยเคลมว่าเป็นผลงานตัวเอง แม้แต่กับเพื่อน เค้าก็ไม่เคยโอ้อวดตัวเอง
ซุนฮิวยอมเก็บงำความฉลาด แสร้งทำตัวเหมือนคนโง่ เพื่อไม่ให้บดบังรัศมีของเจ้านาย
จึงได้รับความเคารพและไว้วางใจสุดๆจากโจโฉ
– – –
4. สุมาอี้
ยอดอัจฉริยะแห่งยุคประจำวุยก๊ก หนึ่งเดียวที่ต่อกรกับขงเบ้งได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
ครั้งหนึ่งสุมาอี้ เคยแกล้งป่วย เป็นบ้า สติไม่ดี เพื่อตบตาหลีซิน ที่โจซอง ผู้สืบราชการแทนพระเจ้าโจฮอง ส่งมาเพื่อสืบข่าว และหาทางกำจัดสุมาอี้ทิ้งจากเส้นทางอำนาจ
สุมาอี้ตีบทแตกกระจุย โจซองเชื่อสนิทใจว่าสุมาอี้คงอยู่ได้อีกไม่นาน ตัวเองคงได้ครองอำนาจเป็นใหญ่เพียงผู้เดียว
โจซองย่ามใจ จึงจัดกระบวนให้พระเจ้าโจฮองออกจากเมืองหลวงเพื่อไปเซ่นไหว้ศพพระเจ้าโจยอย ส่วนตัวเองก็ออกไปล่าสัตว์ชิลล์ๆ
สุมาอี้ที่แกล้งบ้า พร้อมลูกชาย และสมัครพรรคพวกจึงระดมกำลังเข้ายึดเมืองลกเอี๋ยง ที่ไร้แม่ทัพนายกอง เพราะออกไปติดตามพระเจ้าโจฮองกันหมด พร้อมทั้งกวาดล้างกลุ่มอำนาจของโจซองจนหมดสิ้น
ดังเช่นพิชัยสงครามของซุนวู บทที่ 1 ที่กล่าวไว้ว่า
สงคราม คือ การใช้เล่ห์ รบได้ ให้แสดงว่ารบไม่ได้…จะรุก ให้แสดงว่าไม่รุก ใกล้ ให้แสดงว่าไกล…ไกล ให้แสดงว่าใกล้ …
– – –
ที่สุดของที่สุด คือ คนที่รู้ว่า “เมื่อไหร่ควรฉลาด เมื่อไหร่ควรโง่”